ธรรมะจากพระผู้รู้ - ฉบับที่ ๑๑๑
พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ถาม: การเจริญสติที่ให้เกิดปัญญาด้วยคืออย่างไรครับ
หัดรู้หัดดูไปสบายๆ ดูธาตุดูขันธ์ทำงาน
การเดินปัญญานะ ถ้าทิ้งการพิจารณาธาตุขันธ์แล้วไม่ใช่การเจริญปัญญาที่แท้จริง
ต้องรู้ธาตุรู้ขันธ์ของจริงๆเลย
รู้ขันธ์ ๕ รูปคือร่างกายนี้
เวทนาคือความรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์
สัญญาคือความจำได้ความหมายรู้
สังขารคือความปรุงดีความปรุงชั่ว
แล้วก็วิญญาณก็คือความรับรู้อารมณ์ทางตาทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
เราดูอย่างนี้ ดูเค้าทำหน้าที่ไปนี้ ดูขันธ์
แล้วดูธาตุล่ะ ดูธาตุมาแยกลงในร่างกาย
ร่างกายประกอบด้วยธาตุ มีธาตุอะไรบ้าง
ดิน น้ำ ลม ไฟ และมีอากาศธาตุอีกอัน
ไม่มีอากาศธาตุ ดินน้ำลมไฟไม่มีที่ตั้งนะ
ดินน้ำลมไฟตั้งอยู่ในอากาศธาตุอีกทีหนึ่ง
อากาศธาตุไม่ได้แปลว่าอากาศ ไม่ใช่แปลว่า air นะ
แต่หมายถึง space (พื้นที่)
ไอน์สไตน์เก่งนะพูดถึง time และ space พระพุทธเจ้าพูดมาก่อน
ไอน์สไตน์ถึงยอมรับศาสนาพุทธได้มากกว่าศาสนาอื่น
เวลาเราจะดูธาตุ เราดูลงในร่างกายนี้
ร่างกายประกอบด้วยธาตุดิน
ธาตุดินคืออะไร? ธาตุดินคือส่วนที่แข็ง
ธาตุน้ำเป็นส่วนที่ซึมซ่าน
เป็นแรงดึงดูด แผ่ซ่านออกไปแล้วก็มีหน้าที่ดึงดูดระหว่างโมเลกุล
ธาตุดินเป็นส่วนที่เป็นส่วนที่เป็นตัวที่แข็งๆ ถ้าเป็นก็เป็นพวกตัวอะตอมแท้ๆของมันละมั้ง
แล้วก็มีแรงดึงดูดนะ ทำให้อะตอมคงตัวอยู่ได้ ทำให้โมเลกุลคงตัวอยู่ได้
ตัวที่ดึงดูดให้มันคงตัวอยู่ด้วยกันเรียกว่าธาตุน้ำ
ธาตุลมคือความเคลื่อนไหว ความเคลื่อนไหว
งั้นถามว่าในเซลล์หนึ่งเซลล์มีความเคลื่อนไหวไหม
ในอะตอมหนึ่งอะตอมมีความเคลื่อนไหวไหม? มีอยู่ตลอดเวลา
ธาตุไฟคือตัวอะไร ตัวเย็นตัวร้อน เป็นตัวพลังงานนะ
นี่มันทำงานของมันอยู่นะ ทำงานอยู่ใน space เราก็ดูมันทำงานไป ไม่มีคน
ร่างกายนี้ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา
เป็นวัตถุธาตุนะ มีธาตุหลายอย่างมาประกอบกัน มาทำงานร่วมกัน
ธาตุดินไม่ได้อยู่ต่างหาก
ธาตุดินจะมีขึ้นมาได้ก็ต้องอาศัยธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ มาอยู่ด้วยกัน
ธาตุลมจะอยู่ได้ ก็ต้องอาศัย ดิน น้ำ ไฟ
ธาตุไฟจะอยู่ได้ ก็ต้องอาศัย ดิน น้ำ ลม
ธาตุน้ำอยู่ได้ ก็ต้องอาศัยธาตุดิน ไม่มีธาตุดิน มันจะไปดึงดูดอะไร
ธาตุน้ำมันก็ทำงานไม่ได้ใช่ไหม เพราะธาตุน้ำเป็นแรงดึงดูด
งั้นดิน น้ำ ลม ไฟ ในความเป็นธาตุจริงๆ ไม่ใช่อย่างที่เรานึกเอานะ
เราเริ่มแยก แยกร่างกายอย่างผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก อะไรอย่างนี้
อันนี้ถือว่าถ้าพูดในทางมีคนมีสัตว์ มีเรามีเขา ก็ถือว่าเป็นธาตุดิน
แต่ความจริงแล้วในเส้นผมหนึ่งเส้นเนี่ย มีทั้งดิน น้ำ ไฟ ลม ครบเลย
ผมมีแรงดึงดูดไหม? ระหว่างเซลล์ในเส้นผมมันก็มีใช่ไหม
มีความเคลื่อนไหวภายในไหม? มี
ถามว่าในก้อนอิฐก้อนหินนี่มีความเคลื่อนไหวไหม? มีนะ
พระองค์แรกที่พูดให้หลวงพ่อฟังเรื่องนี้นะคือหลวงปู่ดูลย์
วันหนึ่งนั่งอยู่กับท่านนะ ท่านก็ชี้ลงไปที่กระเบื้องปูกุฎิท่านนี่แหละ
บอกว่าสิ่งทั้งหลายนะ จะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตเนี่ย มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา
ตอนเราเด็กๆ เราเรียนบอกว่าสิ่งมีชีวิตคุณสมบัติคือเคลื่อนไหวได้ สิ่งไม่มีชีวิตไม่เคลื่อนไหว
ตอนนั้นเจอหลวงปู่ดูลย์นะ โอ ผู้เฒ่าอายุเก้าสิบกว่าเกือบร้อยแล้ว
บอกว่าสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตล้วนแต่เคลื่อนไหวได้
ทำไมเคลื่อนไหวได้ เพราะมันมีช่องว่าง
มีช่องว่างมาคั่นนะ มันเคลื่อนไหวได้
ดูสิ ผู้เฒ่าเก่งขนาดนั้นนะ พวกเราแค่ฟังก็ งงๆ แล้ว
เพราะงั้นสิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต มีความเคลื่อนไหวนะ
ทีนี้เราจะดูธาตุยังไง
อย่างเรานั่งอยู่นะ เราดูธาตุ ดูโดยอนุโลมเอา
เราดูยังไม่เห็นแรงดึงดูดระหว่างอะตอมอะไรนี่ดูยังไม่เห็นหรอก
แรงดึงดูดระหว่างอะตอมนี่เป็นธาตุน้ำ ธาตุน้ำรู้ด้วยใจ
ธาตุดิน ธาตุไฟ ธาตุลม รู้ด้วยร่างกาย
ธาตุดินรู้ด้วยร่างกายเช่นอะไร
เช่นเราสัมผัสมือ ลองนวดมือตัวเองดูสิ
รู้สึกไหมมันมีส่วนที่แข็งๆ ส่วนที่อ่อนๆ
ความแข็งความอ่อนนั่นแหละเรียกว่าธาตุดิน
ลองสัมผัสยาวๆ รู้สึกไหมแต่ละจุดมีความร้อนที่ไม่เท่ากัน
บางจุดร้อนมาก บางจุดร้อนน้อย นี่คือธาตุไฟนะ
ธาตุไฟในแต่ละที่ไม่เท่ากันนะ บางทีก็เพิ่มขึ้น บางทีก็ลดลง
ธาตุดินบางทีก็เพิ่มขึ้น บางทีก็ลดลง
เช่นเวลาเราเดิน เวลาที่เท้าเหยียบพื้นเนี่ย ธาตุดินในน่องจะเพิ่มขึ้น จริงไม่จริง
ทดลอง ลองเอามือกดลงไปที่พื้น
กดแรงๆ แล้วลองจับแขนตัวเองดูมันแข็งมากขึ้นไหม? มันจะแข็งมากขึ้นนะ
เวลาเท้าเหยียบพื้นนะ ธาตุดินที่น่องเพิ่มขึ้น
เวลาเคลื่อนเท้าไปเนี่ย ธาตุลมเพิ่มขึ้น
เนี่ยธาตุกรรมฐานแท้ๆ นะ ดูยากที่สุดเลย
แต่เราใช้ธาตุอนุโลมเอา
ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ถือว่าเป็นธาตุดินนะ นี้โดยอนุโลมเอา
ดูลงไปว่าไม่เป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์
มองในมุมอันนั้นก็พอมองได้นะ ใช้ได้อยู่
เนี่ยการเดินปัญญานะ ไม่ดูขันธ์ ก็มาดูธาตุ
แต่ขันธ์ดูง่าย ธาตุดูยากมาก ธาตุดูยาก
หายใจ หายใจ เอามือรอไว้ที่จมูก
สังเกตไหมว่าลมเข้ามันเย็น ลมออกมันร้อน
เวลาลมกระทบมือน่ะ รู้สึกไหมลมเข้ามันเย็นลมออกมันร้อน
แสดงว่าอะไร ธาตุไฟในลมหายใจนี้ไม่เที่ยง
เอาใหม่ หายใจแรงๆ รดหลังมือ
รู้สึกไหมมันมีมวลของอากาศกระทบหลังมือ
ตัวมวลของอากาศเป็นธาตุดินนะ
หายใจแรงๆ รู้สึกแข็งขึ้นมาไหม? มันแข็งขึ้นนะ
งั้นธาตุกรรมฐานนะ เล่นยากนะ ถ้าสมาธิไม่พอไม่เห็นหรอก
เราก็ดูตัวอื่นๆ อนุโลมไป
อย่างดูลมหายใจ ร่างกายหายใจ ไม่ถึงกับเล่นธาตุนะ
ดูลมหายใจ เห็นร่างกายที่หายใจอยู่ไม่ใช่เรา
ร่างกายที่หายใจออกไม่ใช่เรา
ร่างกายที่หายใจเข้าไม่ใช่เรา เห็นอย่างนี้ไปเลย
หรือดูอิริยาบท 4 นะ ยืน เดิน นั่ง นอน
ร่างกายที่ยืน ร่างกายที่เดิน ร่างกายที่นั่ง ร่างกายที่นอน ไม่ใช่เรายืนเดินนั่งนอน
ไม่ถือขนาดเห็น space หรอกนะ แต่ว่าอนุโลมเอา
แค่เห็นร่างกายที่หายใจออกไม่ใช่เรา เห็นร่างกายที่หายใจเข้าไม่ใช่เรา
เห็นแค่นี้นะ ใจมันพอยอมรับได้แล้ว
ถึงจุดหนึ่งก็ยอมรับได้แล้วว่าร่างกายไม่ใช่เราหรอก เป็นวัตถุเป็นก้อนธาตุ
แต่ไม่ถึงขนาดไปแยกว่าเป็นธาตุอะไรบ้าง
เป็นอย่างนี้นะ ค่อยรู้ค่อยดูเอา
ร่างกายที่ยืน ร่างกายที่เดิน ร่างกายที่นั่ง ร่างกายที่นอน
มันยืน มันเดิน มันนั่ง มันนอน มันไม่ใช่เราหรอก
ดูอย่างนี้เรื่อยๆไป อย่างนี้ก็พอได้นะ ไม่ถึงขนาดรู้ธาตุแท้ๆ รู้ยาก ยากสุดๆเลย
ถ้าไม่ทรงฌาณจริงนะ สมาธิไม่พอจริง ไม่เห็นหรอก
งั้นเราคอยรู้สึกนะ รู้ลงมา ค่อยดูร่างกายที่ยืนเดินนั่งนอน
ร่างกายที่หายใจออก ร่างกายที่หายใจเข้า ไม่ใช่เรา
ดูไปเรื่อยนะ ดูไป
ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ กุศล อกุศล ก็ไม่มีเรา
ดูไปเรื่อย เป็นแค่ความรู้สึก
สวนสันติธรรม
วันเสาร์ ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น